ยินดีต้อนรับวงศาคณาญาติและผู้ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยือนทุกท่าน

25 มกราคม 2567

อย่าเป็น "คนเนรคุณคน"



 "บางคน"...

บางคน : ไม่เคยพูดจาดีๆกับคนข้างเคียง แต่กับคนอื่นที่ไม่รู้จักดีพอ จะพูดด้วยความอ่อนน้อม

บางคน : ตระหนี่ ขี้เหนียว กับคนที่เคยช่วยเหลือ แต่ถ้ากับเพื่อน ยอมเปย์ถึงไหนถึงกัน

บางคน : ไม่เคยรักษาน้ำใจกับคนใกล้ชิด แต่ให้ความสนิท เป็นกันเอง กับคนที่รู้จักกันมาไม่นาน

บางคน : คิดว่าการช่วยเหลือคนที่เคยมอบสิ่งที่ดีๆให้ ว่าเป็นภาระ แต่กับคนที่ไม่เคยให้อะไรเลย ยอมช่วยเหลือบอกเป็นความรับผิดชอบ

บางคน : อายที่จะบอกรักพ่อ แม่ สามี ภรรยา แต่กับคนอื่นเป็นใครก็ไม่รู้พูดจาออดอ้อนด้วยได้สารพัด

บางคน : มองการห่วงใยคนที่ให้ความปรารถนาดี เป็นเรื่องน่ารำคาญ แต่ให้ความสงสารกับคนที่ไม่รู้จักดีพอ

บางคน : ไม่เคยคิดจะขอบคุณคนที่ให้ความข่วยเหลือทุกอย่าง แต่ไปซาบซึ้งใจคนที่ทำดีแค่เล็กๆน้อยๆ

บางคน : ไม่เคยแคร์คนที่รักเรา ว่าเสียใจขนาดไหน แต่กลับไปแคร์ความรู้สึกคนที่ไม่รู้ว่าจะมีความจริงใจให้หรือเปล่า

*ต่อให้คนทั้งโลกปฏิเสธเรา ตราหน้าเรา ว่าเป็นคนชั่ว เลว ไม่ดี แค่ไหน จงจำไว้ว่า ยังมีคนที่จริงใจไม่กี่คน พร้อมจะรักและเข้าใจเราเสมอ

*โปรดระรึกไว้ว่า พ่อ แม่ ผู้ที่มีพระคุณ ไม่ได้เป็นที่รองรับอารมณ์ของเรา ที่ไม่สามารถทำทุกอย่างให้เราถูกใจ ประทับใจไปได้ตลอด

*การแสดงความรักแบบผิวเผินกับพ่อ แม่ ผู้มีพระคุณ ไม่สมควรสร้างภาพเพียงแค่ให้ดูดีเท่านั้น

*ท้ายสุด... ไม่ต้องรอให้คิดได้แล้วตอบแทนบุญคุณคนที่รักเราจริง คนที่เป็นห่วงเราจริง ในวันที่เขาตายไปจากโลกนี้แล้ว.

16 มกราคม 2567

มรดกของบรรพบุุรุษ ควรรักษาสืบทอดไว้เป็นสมบัติของวงศ์ตระกูลชั่วลูกชั่วหลานที่สืบสันดาน

ลูกๆหลานๆ ที่จะรับโอนมรดกจากปู่ย่า/ตายาย/พ่อแม่ ควรพินิจพิจารณาไว้สักนิด จะได้ไม่ถูกเรียกว่าเป็นคนอกตัญญูต่อบุพการี ดังเช่นเรื่องตัวอย่างต่อไปนี้.-

ผมอายุ 76 ภรรยา 67 มีลูกหลายคน ลูกชายแต่งงานมีลูกสะใภ้เพิ่มมา 1 คน

ตอนผมเกษียณออกจากงานมา ผมและภรรยาโอนบ้านที่อาศัยอยู่ให้กับลูกชายโดยยังอาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนทรัพย์สินต่างๆก็โอนให้ลูกคนอื่นๆจนหมด

ต่อมาลูกชายตาย บ้านที่เป็นมรดกของผมตกเป็นของลูกสะใภ้ ผมกลายเป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้
อยู่มาไม่นาน ลูกสะใภ้มีสามีใหม่ ผมและภรรยาเลยต้องเป็นส่วนเกินของคนในครอบครัว

สามีใหม่ของ(อดีต)ลูกสะใภ้บ่นเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต และค่าใช้จ่ายอื่นๆภายในบ้าน จนผมและภรรยารู้สึกอึดอัดมาก

ผมเกษียณออกมา ไม่มีบำนาญ มีเงินตอบแทนได้รับมาเป็นก้อน ก็ถูกเอาออกมาใช้ไปทุกวันๆ เสมือนตักน้ำออกจากตุ่มเอามาดื่มกิน ไม่มีการเติมน้ำเข้าไปใหม่ในตุ่มเลย นับวันเงินก้อนที่มีอยู่นั้นมันก็หมดไปอยู่เรื่อยๆ

ภรรยาก็มีโรคประจำตัวเจ็บป่วยออดๆแอดๆ ไม่มีรายได้อะไรแต่อย่างใด มีแต่เงินคนแก่ที่รัฐฯเขาโอนมาให้ในแต่ละเดือนเอามาประทังชีวิตเท่านั้น

ครุ่นคิดอยากจะไปซื้อบ้านเล็กๆหลังใหม่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยอยู่กับภรรยา ก็จนปัญญาที่จะหาเงินมาได้

เคยหาข้อมูลเพื่อจะเข้าไปอยู่บ้านพักคนขราของทางราชการ ก็ติดคุณสมบัติโน่นนี่นั่น จนไม่สามารถเข้าไปขอเข้าพักอาศัยได้

ผมและภรรยาปรึกษากันว่า เห็นทีจะต้องไปขออาศัยวัดหรือสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ใดที่หนึ่ง โดยการไปขอบวชเป็นพระ(สำหรับผม) และให้ภรรยาบวชเป็นชี พักอาศัยอยู่ในวัดหรือสถานปฏิธรรมที่เดียกัน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะได้อยู่ใกล้กัน ช่วยเหลือดูแลกันในยามแก่เฒ่าช่วงบั้นปลายของชีวิต

ผู้ใดมีข้อมูลของวัดหรือสถานที่ปฏิบัติธรรมที่สามารถรับคนแก่อย่างผมกับภรรยาเข้าไปพักอาศัยบ้าง ช่วยแนะนำหนทางให้ผมและภรรยา ได้มีชีวิตอยู่ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ไปจากโลกนี้บ้าง
จะเป็นพระคุณอย่างสูงยิ่ง.

8 พฤษภาคม 2553

ทำเนียบชาติตระกูล "ชูแช่ม"

โปรดติดตามข้อมูลรายชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ของวงศาคณาญาติในเวบบอร์ด "พูดจาภาษาพี่น้อง" หมวดหัวข้อ ทำเนียบชาติตระกูล "ชูแช่ม" เร็วๆ นี้...

3 พฤษภาคม 2553

เรื่อง ขำ ขำ ... (ไม่ออก)

"ญาติตามลำดับ"

เนิ่นนานมาแล้วหลายปีมากเมื่อตอนที่ผมอายุได้ 23 ปี
ผมแต่งงานกับแม่หม้ายคนหนึ่งซึ่งสวยเท่าที่แม่หม้ายจะพึงสวยได้
แม่หม้ายคนนี้มีลูกที่โตเป็นสาวแล้วคนหนึ่ง ผมของเธอสีแดง
พ่อของผมตกหลุมรักเธอ ในไม่ช้า ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
นั่นทำให้พ่อของผมกลายมาเป็นลูกเขยของผม
และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในชีวิตของผม

ลูกสาวของผมคือแม่ของผม เพราะเธอคือภรรยาของพ่อผม

เรื่องมันยิ่งซับซ้อนยิ่ง ขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกชื่นบานก็ตาม
เพราะในไม่ช้า ผมก็มากลายเป็นพ่อของทารกน้อยชายแสนซุกซน
พ่อหนูน้อยของผมก็เลยกลายมาเป็นน้องชายตามกฎหมายของพ่อ

แม้ว่าผมจะรู้สึกเศร้ามากน้อยแค่ไหน
เขาก็ต้องกลายมาเป็นอาของผม ...ถ้าเขาเป็นอาของผม
นั่นก็ทำให้เขาเป็นน้องชายของลูกสาวของแม่หม้าย
ซึ้งแน่นอน..เธอคือ..แม่เลี้ยงของผม

เรื่องยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้
เมื่อภรรยาของพ่อคลอดลูกชายออกมา
เขาก็เลยกลายมาเป็นหลานของผม เพราะเขาคือลูกของลูกสาวผม
ตอนนี้ภรรยาของผมจึงเป็น..แม่ของแม่
และมันทำให้ผมรู้สึกแย่ เพราะว่าแม้เธอจะเป็นภรรยาของผม
เธอก็เป็น..ย่าของผมไปด้วยในตัว

หากภรรยาของผมเป็นย่าของผม ผมก็ต้องเป็นหลานของเธอ
และทุกครั้งที่ผมคิดถึงเรื่องนี้มันทำให้ผม..คลั่งเอาได้ง่ายๆ
ถึงตอนนี้คุณก็ได้เห็นแล้วว่า
กรณีของผมเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สุดที่คุณเคยเห็นและได้ยินมา
ในฐานะสามีของย่าของผม ผมก็เป็นปู่ของตัวเองด้วย

สันสน ๆ ........

27 เมษายน 2553

หลักการลำดับญาติของไทย


            มีหลาย ๆ คนมักจะเข้าใจว่า "โหลน" เป็นคำที่ใช้เรียกลำดับญาติซึ่งหมายถึงลูกของเหลน แต่ที่จริงแล้ว คำว่า "โหลน" ไม่มีความหมายอย่างที่เข้าใจกันแต่อย่างใด คำ ๆ นี้มีการนำไปเป็นเนื้อร้องในบทเพลงปลุกใจเพลงหนึ่ง โดยมีคำร้องอยู่ท่อนหนึ่งว่า "...ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย..." ข้อความดังกล่าวคงทำให้เข้าใจกันได้ว่า โหลน น่าจะเป็นลูกของเหลน    
ดังนั้น จึงขอเสนอคำที่ ตัวเรา ใช้เรียกวงศาคณาญาติ เพื่อใช้ลำดับญาติที่เกิดมาก่อน-หลัง ดังนี้
                        เชียด หรือเทียด เป็นพ่อหรือแม่ของชวดหรือทวด
                        ชวด หรือทวด เป็นพ่อหรือแม่ของปู่กับย่า และเป็นพ่อหรือแม่ของตากับยาย
                        ปู่กับย่า เป็นพ่อกับแม่ของพ่อ
                        ตากับยาย เป็นพ่อกับแม่ของแม่
                        พ่อกับแม่ เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ตัวเรา
            (ตัวเรา).....
                        ลูก ผู้มีกำเนิดจากตัวเรา
                        หลาน เป็นลูกของลูก
                        เหลน เป็นลูกของหลาน
                        ลื่อ เป็นลูกของเหลน
                        ลืบ เป็นลูกของลื่อ
                        ลืด เป็นลูกของลืบ


ขอแสดงเป็นแผนภูมิให้เห็นชัดดังนี้


           
            เมื่อเห็นแผนภูมิ แสดงลำดับญาติแล้ว ว่าง ๆ ตัวเราเองลองเรียงลำดับญาติดูซิว่า ต้นตระกูลของเราเทียดชื่ออะไร? ทวดชื่ออะไร? ตลอดจนในวงศาคณาญาติของเรามีใคร? เป็นญาติอยู่ในลำดับใดบ้าง?

            ที่มาข้อมูล : ชวนพิศ เชาวน์สกุล / ราชบัณฑิตยสถาน
            แก้ไขเพิ่มเติมโดย : ชุ่มฉ่ำ@chuc-cham.com